อยากบอกต่อ
สยองก่อนสวย! ประวัติศาสตร์ขนตาปลอมที่คุณอาจไม่เคยรู้
ก.ย.
สยองก่อนสวย! ประวัติศาสตร์ขนตาปลอมที่คุณอาจไม่เคยรู้
ขนตาปลอมในปัจจุบันกลายเป็นเทรนด์ยอดฮิตของสาว ๆ ไปซะแล้ว และเรียกได้ว่าเราเคยชินที่จะเห็นผู้หญิงติดขนตาปลอมโดยทั่วไปมานานแสนนาน
พูดกันง่าย ๆ เกิดมาก็เห็นกันแล้ว แต่รู้ไหมว่าขนตาปลอมนั้นมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานมาก ๆ จนเราคาดไม่ถึงกันเลยล่ะ
ความสวยความงามไม่ใช่แค่สาวยุคใหม่อย่างเรา ๆ นะคะที่ชื่นชอบกัน แต่มีมาทุกยุคทุกสมัยโดยเฉพาะกับดวงตา
เจ้าอวัยวะที่ใช้ในการมองเห็นนี้ คนทั่วโลกให้ความสำคัญกับมันมาก เพราะนอกจากจะใช้เพื่อมองเห็นสิ่งต่าง ๆ แล้ว
ยังจะสามารถเพิ่มความสวยงาม และบ่งบอกความรู้สึกผ่านมันได้อีกด้วย โดยบ้างก็ว่าเป็นหน้าต่างของหัวใจ
แต่บ้างก็ว่าเป็นสัญลักษณ์เพื่อบ่งบอกอะไรบางอย่าง เช่น ในปี ค.ศ. 1400 ยุคของจักรวรรดิโรมัน สาว ๆ กรุงโรมยุคนั้น
จะเชื่อว่าขนตาเป็นจุดแสดงความสาวและความบริสุทธิ์ หากใครขนตาบางหรือน้อยก็จะถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่บริสุทธิ์และอ่อนเยาว์อีกต่อไป
จึงทำให้สาว ๆ หลายคนในยุคนั้นมักจะดูแล และใส่ใจขนตาของตนเองเป็นพิเศษ
Image: Fred Ramage/Getty
ผ่านมากว่า 500 ปี ใน ค.ศ. 1900 เทรนด์ขนตายาวกลับมาฮิตอีกครั้งในกรุงปารีส และถือว่าเป็นการกำเนิดขนตาปลอมเลยก็ว่าได้
แต่มันก็จะแปลก ๆ หน่อยนะ เพราะสาว ๆ หันมาใช้วิธีทางการแพทย์ที่อาจจะหวาดเสียวไปสักนิด คือการกรีดเนื้อบริเวณโคนขนตา
และใช้ปลายเส้นผมของคนใส่เข้าไปให้โผล่ออกมา ในลักษณะเหมือนขนตาและเย็บติดกันไว้ วิธีนี้จะสร้างความเจ็บปวดให้สาว ๆ
ใจกล้าเหล่านี้มาก แพทย์จึงต้องฉีดโคเคนให้คนไข้ก่อนทำการผ่าตัด ถึงแม้จะลงทุนเจ็บตัวมากแค่ไหน
แต่หนุ่ม ๆ ในยุคนั้นกลับมองว่าพวกเธอไม่ได้สวยเอาซะเลย
Image: FPG/Getty
ต่อมาในปี ค.ศ. 1911 Anna Taylor เป็นผู้คิดค้นขนตาปลอม และได้จดสิทธิบัตรความรู้นี้ไว้ แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ยังไม่ได้ทำให้มันเกิดขึ้นจริง
จนมาถึงในปี ค.ศ. 1916 D.W. Griffith ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอเมริกัน ได้เป็นผู้คิดค้นขนตามปลอมที่ใช้ได้จริงแบบไม่เจ็บตัว
‘คู่แรกของโลก’ ขึ้นมา ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Intolerance โดยมาจากการที่เขาอยากให้นางเอกของเรื่องอย่าง
Seena Owen ออกหน้ากล้องแบบที่เห็นขนตาได้ชัดเจนแม้ในภาพสีขาว – ดำ จึงให้ช่างนำผมจากวิกมาทำเป็นขนตาปลอมเพื่อติดให้กับ Seena
ถึงแม้ในความเป็นจริงขนตาปลอมที่ทำขึ้นนั้นจะหนัก และใหญ่จนตาของเธอแทบปิด แต่พอมองผ่านหน้าจอกลับดูดีมากซะอย่างนั้น
หลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย นางเอกแทบทุกเรื่องต่อมาก็จะติดขนตาปลอมตามกันเป็นแถว
เรียกได้ว่ากลายเป็นปรากฏการณ์ของวงการภาพยนตร์เลยทีเดียว แต่เจ้าขนตาปลอมที่ทำโดยช่างวิกผมสามารถอยู่ได้เพียงแค่
ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ จึงกลายเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงพบเห็นการใช้ขนตาปลอมหนา ๆ ใหญ่ ๆ
แค่ในภาพยนตร์วินเทจ จนเหมือนกลายเป็นเอกลักษณ์ของดาราในยุคนั้น ๆ ไปซะแล้ว
เมื่อวันเวลาผ่านไปวิวัฒนาการก็มีมากขึ้น ใน ค.ศ. 1921 ขนตาปลอมก็ได้ถูกผลิตให้ตอบโจทย์ผู้คนอย่างแท้จริง เรียกได้ว่ากลายเป็นไอเทมที่พอปปูล่ามาก
หากเราเกิดในยุคนั้นมองไปตามถนนหนทางเราจะเห็นแต่สาว ๆ ติดขนตากันแบบทั่วบ้านทั่วเมืองกันเลยล่ะ
ถึงแม้ว่าในช่วงปี 1921 ขนตาปลอมจะฮอตฮิตแค่ไหนแต่ก็ยังคงเป็นสี ดำทั่วไป แต่ในอีก 10 ปีให้หลัง ช่วง ค.ศ. 1930
แฟชั่นการติดขนตาปลอมกระจายไปทั่ว และเริ่มมีความแปลกใหม่มากขึ้น เช่น ขนตาปลอมที่มีสีสันฉูดฉาด สีทองอร่าม
หรือแม้กระทั่งในหนึ่งข้างมีหลายสี ที่สามารถเห็นได้จากระยะไกลก็มีนะเออ
ต่อมาใน ค.ศ. 1960 บริษัท Andrea ได้ให้ Twiggy นางแบบที่ โด่งดังในยุคนั้นติดขนตาปลอมทั้งบนและล่าง เพื่อสร้างแคมเปญที่ว่า
‘ขนตาปลอมแบบไหนที่เหมาะกับคุณ’ โดยบริษัทได้ผลิตขนตาปลอมกว่า 20 แบบ เพื่อให้ลูกค้าเลือกซื้อ จากแคมเปญนี้ก็สามารถขายได้มากถึง
20 ล้านคู่ ด้วยกัน แต่ความแท้ทรูก็ไม่มีวันตาย เพราะในปี ค.ศ. 1970 เทรนด์การแต่งหน้าแบบธรรมชาติมาแรง จึงทำให้ยอดขาย
ของขนตาปลอมสีสันต่าง ๆ ตกลง แต่ก็ไม่ได้ทั้งหมด เพราะคนดังอย่าง Madonna ก็ยังคงใส่ขนตาปลอมแบบวิ้งค์ ๆ คู่ละ 10,000 USD อยู่ดี
จึงกล่าวได้ว่าขนตาปลอมเป็นเรื่องของความชื่นชอบส่วนบุคคล ไม่ว่าจะรูปทรงหรือสีสันแบบไหน ก็สามารถครองใจสาว ๆ ได้ทุกยุคทุกสมัย
และทั้งหมดนี้ก็คือความเป็นมาของขนตาปลอม ซึ่งทำให้เห็นว่ากว่าจะมาเป็นเจ้าไอเทมติดเพิ่มความสวย
ที่วางขายทั่วไปตามท้องตลาดอย่างทุกวันนี้ ก็ทั้งต้องเจ็บตัวและทดลองค้นคว้ามาอย่างมากมาย
ถือว่าเราโชคดีจริง ๆ ที่ขนตาปลอมในตอนนี้หาซื้อได้ง่าย ติดปุ๊บสวยปั๊บ และมีหลายแบบหลายแนวให้เราเลือกเก๋ ๆ
ช็อปกันชิลล์ ๆ ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกรีดโคนขนตาให้หวาดเสียวเล่นแบบในอดีตอีกแล้ว~
อ้างอิงจาก http://www.racked.com/2015/10/7/9457395/a-history-of-false-eyelashes
